แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปรนัย 50 ข้อ พร้อมเฉลย
คำชี้แจง: จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดเพียงข้อเดียว
1. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับปัจจุบันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อใด
ก. 14 สิงหาคม 2542
ข. 19 สิงหาคม 2542
ค. 14 สิงหาคม 2553
ง. 19 สิงหาคม 2553
เฉลย ข. 19 สิงหาคม 2542
คำอธิบาย: พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2542 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา (20 สิงหาคม 2542) และมีการแก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2545) และฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2553) ตามลำดับ
2. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติมีทั้งหมดกี่หมวด
ก. 8 หมวด
ข. 9 หมวด
ค. 10 หมวด
ง. 11 หมวด
เฉลย ข. 9 หมวด
คำอธิบาย: พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มีทั้งหมด 9 หมวด ได้แก่ หมวด 1 บททั่วไป หมวด 2 สิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา หมวด 3 ระบบการศึกษา หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา หมวด 5 การบริหารและการจัดการศึกษา หมวด 6 มาตรฐานและการประกันคุณภาพการศึกษา หมวด 7 ครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา หมวด 8 ทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษา และหมวด 9 เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา
3. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ “การศึกษา” หมายถึงอะไร
ก. กระบวนการเรียนรู้เพื่อความงอกงามของบุคคลและสังคม
ข. กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม
ค. กระบวนการพัฒนาคุณภาพชีวิตของบุคคลให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ง. กระบวนการถ่ายทอดความรู้ ทักษะ และเจตคติ เพื่อให้บุคคลมีความเจริญงอกงาม
เฉลย ข. กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม
คำอธิบาย: ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 “การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคม โดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อม สังคม การเรียนรู้และปัจจัยเกื้อหนุนให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
4. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ได้กำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ประชาชนอย่างไร
ก. จัดให้ 6 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ข. จัดให้ 9 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ค. จัดให้ 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
ง. จัดให้ 15 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
เฉลย ค. จัดให้ 12 ปี โดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย
คำอธิบาย: ตามมาตรา 10 วรรคสอง กำหนดให้รัฐต้องจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่าสิบสองปีที่รัฐต้องจัดให้ทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย ซึ่งครอบคลุมการศึกษาตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย
5. การจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษาให้ยึดหลักการสำคัญข้อใด
ก. มีเอกภาพด้านนโยบาย
ข. มีความหลากหลายในการปฏิบัติ
ค. กระจายอำนาจสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 9 กำหนดให้การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักดังนี้ (1) มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ (2) มีการกระจายอำนาจไปสู่เขตพื้นที่การศึกษา สถานศึกษา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (3) มีการกำหนดมาตรฐานการศึกษา และจัดระบบประกันคุณภาพการศึกษา (4) มีหลักการส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพครู (5) ระดมทรัพยากรจากแหล่งต่างๆ มาใช้ในการจัดการศึกษา และ (6) การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ฯลฯ
6. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ การศึกษาในระบบมีกี่ระดับ
ก. 1 ระดับ
ข. 2 ระดับ
ค. 3 ระดับ
ง. 4 ระดับ
เฉลย ข. 2 ระดับ
คำอธิบาย: มาตรา 16 การศึกษาในระบบมี 2 ระดับ คือ การศึกษาขั้นพื้นฐาน และการศึกษาระดับอุดมศึกษา โดยการศึกษาขั้นพื้นฐานประกอบด้วย การศึกษาซึ่งจัดไม่น้อยกว่าสิบสองปีก่อนระดับอุดมศึกษา ส่วนการศึกษาระดับอุดมศึกษาแบ่งเป็น ระดับต่ำกว่าปริญญา และระดับปริญญา
7. ข้อใดกล่าวถึงเรื่องการศึกษาตลอดชีวิตได้ถูกต้อง
ก. การศึกษาตลอดชีวิตเป็นการศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
ข. การศึกษาตลอดชีวิตเป็นการศึกษาที่ยืดหยุ่นในด้านของเวลาและสถานที่
ค. การศึกษาตลอดชีวิตมุ่งพัฒนาคุณภาพชีวิตบุคคลให้เหมาะสมแก่วัยและศักยภาพ
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 4 และมาตรา 8 การจัดการศึกษาให้ยึดหลักการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน โดยให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา และพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง การศึกษาตลอดชีวิตเป็นการบูรณาการการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อให้สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
8. “การศึกษานอกระบบ” ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ หมายถึงอะไร
ก. การศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล
ข. การศึกษาที่จัดขึ้นตามความต้องการและความพร้อมของผู้เรียน
ค. การศึกษาที่จัดขึ้นนอกเหนือจากการเรียนการสอนในชั้นเรียนปกติ
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
เฉลย ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
คำอธิบาย: มาตรา 15 การศึกษานอกระบบเป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
9. การจัดการศึกษามีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง
ก. 2 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ และการศึกษานอกระบบ
ข. 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
ค. 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตลอดชีวิต
ง. 4 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ การศึกษาตามอัธยาศัย และการศึกษาตลอดชีวิต
เฉลย ข. 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
คำอธิบาย: มาตรา 15 การจัดการศึกษามี 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้ง 3 รูปแบบก็ได้
10. แนวทางการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติยึดหลักใดเป็นสำคัญ
ก. ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
ข. ถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด
ค. กระบวนการจัดการศึกษาต้องเน้นทั้งความรู้ คุณธรรม และกระบวนการเรียนรู้
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 22 การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยเน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และบูรณาการตามความเหมาะสมของแต่ละระดับการศึกษา
11. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีจำนวนเท่าใด
ก. ไม่เกิน 9 คน
ข. ไม่เกิน 12 คน
ค. ไม่เกิน 15 คน
ง. ไม่เกิน 24 คน
เฉลย ง. ไม่เกิน 24 คน
คำอธิบาย: มาตรา 35 ระบุว่า คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีจำนวนไม่เกิน 24 คน ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรเอกชน ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรวิชาชีพ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
12. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ค. เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
เฉลย ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
คำอธิบาย: มาตรา 78 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และมีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบ และประกาศเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้ และในมาตรา 5 ระบุว่าให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
13. หน่วยงานใดทำหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผนการศึกษาแห่งชาติ
ก. สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งชาติ
ข. สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ
ค. กระทรวงศึกษาธิการ
ง. สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา
เฉลย ข. สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ
คำอธิบาย: มาตรา 33 ระบุว่า สภาการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมแห่งชาติ มีหน้าที่ในการพิจารณาเสนอนโยบาย แผนพัฒนา และมาตรฐานการศึกษาแห่งชาติ นโยบายและแผนด้านศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรมที่สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และแผนการปฏิรูปการศึกษา
14. การประกันคุณภาพการศึกษาประกอบด้วยระบบใดบ้าง
ก. ระบบการประกันคุณภาพภายใน
ข. ระบบการประกันคุณภาพภายนอก
ค. ระบบการประเมินคุณภาพการศึกษา
ง. ข้อ ก และ ข ถูก
เฉลย ง. ข้อ ก และ ข ถูก
คำอธิบาย: มาตรา 47 กำหนดให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายในและระบบการประกันคุณภาพภายนอก
15. ผู้ใดมีหน้าที่จัดให้มีการประเมินคุณภาพภายนอก
ก. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)
ข. กระทรวงศึกษาธิการ
ค. สภาการศึกษา
ง. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
เฉลย ก. สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน)
คำอธิบาย: มาตรา 49 ให้มีสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) มีฐานะเป็นองค์การมหาชน ทำหน้าที่พัฒนาเกณฑ์ วิธีการประเมินคุณภาพภายนอก และทำการประเมินผลการจัดการศึกษาเพื่อให้มีการตรวจสอบคุณภาพของสถานศึกษา
16. การเรียนรู้ตลอดชีวิตตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติหมายถึงอย่างไร
ก. การศึกษาตั้งแต่ในวัยเด็กจนถึงวัยชรา
ข. การศึกษาที่ผสมผสานการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
ค. การศึกษาที่บุคคลสามารถแสวงหาความรู้ได้ด้วยตนเองตลอดเวลา
ง. การศึกษาที่จัดให้บุคคลได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
เฉลย ข. การศึกษาที่ผสมผสานการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
คำอธิบาย: มาตรา 8 และมาตรา 15 กำหนดให้มีการบูรณาการการศึกษาทั้ง 3 รูปแบบเพื่อการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
17. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ สถานศึกษาขั้นพื้นฐานต้องจัดทำสาระของหลักสูตรอย่างไร
ก. ตามหลักสูตรแกนกลางที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด
ข. ตามหลักสูตรของสถานศึกษาโดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษา
ค. ประกอบด้วยสาระของหลักสูตรแกนกลางและสาระของหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ค
เฉลย ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ค
คำอธิบาย: มาตรา 27 กำหนดให้คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน และให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคม และประเทศชาติ
18. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ องค์กรหลักที่รับผิดชอบการจัดการศึกษาในปัจจุบันมีกี่องค์กร
ก. 3 องค์กร
ข. 4 องค์กร
ค. 5 องค์กร
ง. 6 องค์กร
เฉลย ข. 4 องค์กร
คำอธิบาย: ตามมาตรา 31 กระทรวงศึกษาธิการมีองค์กรหลักที่เป็นคณะบุคคลในรูปสภาหรือในรูปคณะกรรมการ จำนวน 4 องค์กร ได้แก่ สภาการศึกษา คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน คณะกรรมการการอุดมศึกษา และคณะกรรมการการอาชีวศึกษา
19. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการจัดการศึกษาตามแนวพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. ผู้เรียนทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้
ข. กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มศักยภาพ
ค. ผู้สอนมีความสำคัญที่สุดในกระบวนการเรียนการสอน
ง. เน้นความสำคัญทั้งความรู้ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้และบูรณาการตามความเหมาะสม
เฉลย ค. ผู้สอนมีความสำคัญที่สุดในกระบวนการเรียนการสอน
คำอธิบาย: มาตรา 22 ระบุว่า การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ ไม่ได้ระบุว่าผู้สอนมีความสำคัญที่สุด
20. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. บุคคลมีสิทธิเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเฉพาะผู้มีสัญชาติไทย
ง. รัฐต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี
เฉลย ค. บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเฉพาะผู้มีสัญชาติไทย
คำอธิบาย: มาตรา 10 ระบุว่า การจัดการศึกษาต้องจัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสเสมอกันในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า 12 ปี ที่รัฐต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้มีสัญชาติไทยเท่านั้น
21. การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ควรจัดอย่างไร
ก. จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการ
ข. จัดให้บุคคลมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ
ค. จัดให้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 10 วรรคสอง และวรรคสาม กำหนดให้การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ การศึกษาสำหรับคนพิการในวรรคสอง ให้จัดตั้งแต่แรกเกิดหรือพบความพิการโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิได้รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการ และความช่วยเหลืออื่นใดทางการศึกษา
22. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาในระดับใดบ้าง
ก. การศึกษาในระบบ
ข. การศึกษานอกระบบ
ค. การศึกษาตามอัธยาศัย
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 12 วรรคสอง กำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีสิทธิจัดการศึกษาตามความพร้อม ความเหมาะสมและความต้องการภายในท้องถิ่น และมาตรา 18 ระบุว่า สถานศึกษาปฐมวัย ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์ของสถาบันศาสนา ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มของเด็กพิการและเด็กซึ่งมีความต้องการพิเศษ หรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น สถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้แก่ โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยงานการศึกษาหรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือของเอกชน ที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา
23. ข้อใดกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการประเมินผู้เรียน
ก. ประเมินผู้เรียนจากพัฒนาการของผู้เรียน
ข. ประเมินผู้เรียนจากความประพฤติ
ค. ประเมินผู้เรียนจากการสังเกตพฤติกรรมการเรียน
ง. ประเมินผู้เรียนจากการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนเท่านั้น
เฉลย ง. ประเมินผู้เรียนจากการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนเท่านั้น
คำอธิบาย: มาตรา 26 ระบุว่า ให้สถานศึกษาจัดการประเมินผู้เรียนโดยพิจารณาจากพัฒนาการของผู้เรียน ความประพฤติ การสังเกตพฤติกรรมการเรียน การร่วมกิจกรรมและการทดสอบควบคู่ไปในกระบวนการเรียนการสอนตามความเหมาะสมของแต่ละระดับและรูปแบบการศึกษา ไม่ได้จำกัดการประเมินเฉพาะการทดสอบเท่านั้น
24. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ให้มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาการศึกษาของครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาเพื่ออะไร
ก. เพื่อจัดสรรเป็นทุนการศึกษาและเงินเดือนแก่ผู้ปฏิบัติงาน
ข. เพื่อจัดสรรเป็นเงินอุดหนุนการศึกษาของบุตรหลานครู
ค. เพื่อส่งเสริมครูได้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและพัฒนาตนเอง
ง. เพื่อจัดสรรเป็นเงินบำเหน็จบำนาญแก่ผู้ปฏิบัติงานในหน่วยงานการศึกษา
เฉลย ค. เพื่อส่งเสริมครูได้กู้ยืมเพื่อการศึกษาและพัฒนาตนเอง
คำอธิบาย: มาตรา 55 ระบุว่า ให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาเพื่อจัดสรรเป็นทุนสำหรับการศึกษาและพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมการพัฒนาตนเองของครูผ่านการศึกษาต่อและพัฒนาวิชาชีพ
25. การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึงสิ่งใด
ก. ระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. จำนวนสถานศึกษา
ค. จำนวนประชากร
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 37 การบริหารและการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานให้ยึดเขตพื้นที่การศึกษา โดยคำนึงถึงระดับของการศึกษาขั้นพื้นฐาน จำนวนสถานศึกษา จำนวนประชากร วัฒนธรรม และความเหมาะสมด้านอื่น ๆ
26. สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติที่มีนักเรียนจำนวนเท่าใด จึงมีฐานะเป็นนิติบุคคล
ก. ตั้งแต่ 300 คนขึ้นไป
ข. ตั้งแต่ 500 คนขึ้นไป
ค. ตามที่กฎหมายกำหนด
ง. ตามที่คณะกรรมการสถานศึกษาเห็นสมควร
เฉลย ค. ตามที่กฎหมายกำหนด
คำอธิบาย: มาตรา 35 สถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานตามมาตรา 34 (2) เฉพาะที่เป็นโรงเรียนมีฐานะเป็นนิติบุคคล ซึ่งการกำหนดคุณสมบัติของสถานศึกษาที่จะเป็นนิติบุคคลเป็นไปตามกฎหมายกำหนด โดยไม่ได้ระบุจำนวนนักเรียนไว้โดยตรงในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
27. สถานศึกษาที่จัดการศึกษาในระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล และอาจจัดเป็นส่วนราชการหรือเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ยกเว้นข้อใด
ก. สถาบันเป็นส่วนราชการ
ข. สถาบันที่เป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ
ค. สถาบันที่มีกฎหมายจัดตั้งเฉพาะ
ง. สถาบันที่อยู่ภายใต้การกำกับขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
เฉลย ง. สถาบันที่อยู่ภายใต้การกำกับขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
คำอธิบาย: มาตรา 36 ระบุว่า สถานศึกษาของรัฐที่จัดการศึกษาระดับปริญญาเป็นนิติบุคคล และอาจจัดเป็นส่วนราชการหรือเป็นหน่วยงานในกำกับของรัฐ ยกเว้นสถานศึกษาเฉพาะทาง ซึ่งไม่ได้ระบุถึงสถาบันที่อยู่ภายใต้การกำกับขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น
28. ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ให้มีคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่อย่างไร
ก. กำกับดูแลสถานศึกษาขั้นพื้นฐานและสถานศึกษาระดับต่ำกว่าปริญญา
ข. เสนอนโยบาย แผนพัฒนามาตรฐานและหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. กำกับดูแล ประเมินผลสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของบุคคล ครอบครัว องค์กรเอกชนในเขตพื้นที่การศึกษา
เฉลย ค. กำกับดูแล ประเมินผลสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
คำอธิบาย: มาตรา 37 และมาตรา 38 ในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา ให้มีคณะกรรมการและสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา ประสาน ส่งเสริม และสนับสนุนสถานศึกษาเอกชนในเขตพื้นที่การศึกษา ประสานและส่งเสริมองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้สามารถจัดการศึกษาสอดคล้องกับนโยบายและมาตรฐานการศึกษา ส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการศึกษาของบุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่นที่จัดการศึกษาในรูปแบบที่หลากหลายในเขตพื้นที่การศึกษา
29. หน่วยงานใดที่มีหน้าที่พิจารณาการจัดตั้ง การยุบรวม หรือการเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ก. คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
ค. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. คณะรัฐมนตรี
เฉลย ข. คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษา
คำอธิบาย: มาตรา 38 กำหนดให้คณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษามีอำนาจหน้าที่ในการกำกับดูแล จัดตั้ง ยุบ รวม หรือเลิกสถานศึกษาขั้นพื้นฐานในเขตพื้นที่การศึกษา
30. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติกำหนดให้สถานศึกษาทุกแห่งมีระบบใด
ก. ระบบการประกันคุณภาพภายใน
ข. ระบบการประกันคุณภาพภายนอก
ค. ระบบการประเมินคุณภาพ
ง. ระบบการประกันคุณภาพการศึกษา
เฉลย ก. ระบบการประกันคุณภาพภายใน
คำอธิบาย: มาตรา 47 และ มาตรา 48 ระบุว่า ให้มีระบบการประกันคุณภาพการศึกษาเพื่อพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ ประกอบด้วย ระบบการประกันคุณภาพภายใน และระบบการประกันคุณภาพภายนอก โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดและสถานศึกษาจัดให้มีระบบการประกันคุณภาพภายในสถานศึกษาและให้ถือว่าการประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
31. ข้อใดมิใช่หน้าที่ของ “ศูนย์การเรียน” ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. ตอบสนองความต้องการของผู้เรียน
ข. จัดกิจกรรมที่เหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียน
ค. จัดสภาพแวดล้อมการเรียนรู้
ง. จัดหลักสูตรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง
เฉลย ง. จัดหลักสูตรเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวง
คำอธิบาย: มาตรา 12 และ มาตรา 18 กำหนดให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยศูนย์การเรียนสามารถจัดการศึกษาได้อย่างยืดหยุ่นและหลากหลายรูปแบบตามความเหมาะสมกับกลุ่มผู้เรียน แต่ไม่ได้บังคับให้ต้องจัดหลักสูตรตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในกฎกระทรวงโดยเคร่งครัด
32. ข้อใดไม่ใช่แนวทางในการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. การจัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง
ข. การผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างสมดุล
ค. การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมที่ดีงาม
ง. การฝึกให้ผู้เรียนท่องจำและทำแบบฝึกหัดมากๆ
เฉลย ง. การฝึกให้ผู้เรียนท่องจำและทำแบบฝึกหัดมากๆ
คำอธิบาย: มาตรา 24 กำหนดแนวทางการจัดกระบวนการเรียนรู้โดยให้สถานศึกษาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ เช่น จัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง ฯลฯ ซึ่งไม่สนับสนุนให้มีการท่องจำหรือการทำแบบฝึกหัดมากๆ
33. ข้อใดไม่ใช่หน้าที่ของสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา
ก. พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอก
ข. กำหนดแนวทางพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายใน
ค. พัฒนาเกณฑ์และวิธีการประเมินคุณภาพภายนอก
ง. ให้การรับรองผู้ประเมินภายนอก
เฉลย ข. กำหนดแนวทางพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายใน
คำอธิบาย: มาตรา 49 และมาตรา 51 สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา มีฐานะเป็นองค์การมหาชนทำหน้าที่ (1) พัฒนาระบบการประเมินคุณภาพภายนอก (2) พัฒนามาตรฐานและเกณฑ์สำหรับการประเมิน (3) ให้การรับรองผู้ประเมินภายนอก (4) กำกับดูแลและกำหนดมาตรฐานการประเมินคุณภาพภายนอก ส่วนการกำหนดแนวทางพัฒนาระบบการประกันคุณภาพภายในเป็นหน้าที่ของหน่วยงานต้นสังกัดของสถานศึกษา
34. ข้อใดคือความหมายของคำว่า “มาตรฐานการศึกษา” ที่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง
ข. มาตรฐานที่คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานกำหนดสำหรับการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ค. ข้อกำหนดเกี่ยวกับการจัดระบบโครงสร้างและกระบวนการจัดการศึกษา
ง. มาตรฐานวิชาชีพที่ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องมี
เฉลย ก. ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะคุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง
คำอธิบาย: มาตรา 4 “มาตรฐานการศึกษา” หมายความว่า ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ คุณภาพที่พึงประสงค์และมาตรฐานที่ต้องการให้เกิดขึ้นในสถานศึกษาทุกแห่ง และเพื่อใช้เป็นหลักในการเทียบเคียงสำหรับการส่งเสริมและกำกับดูแล การตรวจสอบ การประเมินผล และการประกันคุณภาพทางการศึกษา
35. การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ให้ยึดหลักในข้อใด
ก. มีเอกภาพด้านโครงสร้าง
ข. มีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
ค. มีเอกภาพด้านคุณภาพและมาตรฐาน
ง. มีเอกภาพด้านการบริหารและความหลากหลายด้านวิชาการ
เฉลย ข. มีเอกภาพด้านนโยบายและมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
คำอธิบาย: มาตรา 9 การจัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษา ให้ยึดหลักสำคัญในข้อ (1) คือ มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ
36. ในการดำเนินการประกันคุณภาพภายในของสถานศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ต้องคำนึงถึงเรื่องใดบ้าง
ก. มาตรฐานการศึกษาของชาติ
ข. มาตรฐานการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทของการศึกษา
ค. เป้าหมาย หลักการและแนวทางการจัดการศึกษาทุกระดับ
ง. ทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้น
เฉลย ง. ทุกข้อที่กล่าวมาข้างต้น
คำอธิบาย: มาตรา 48 วรรคสอง ระบุว่า การประกันคุณภาพภายในเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบริหารการศึกษาที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง โดยมีการจัดทำรายงานประจำปีเสนอต่อหน่วยงานต้นสังกัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา และเพื่อรองรับการประกันคุณภาพภายนอก ซึ่งต้องคำนึงถึงมาตรฐานการศึกษาของชาติ มาตรฐานการศึกษาทุกระดับและทุกประเภทของการศึกษา รวมถึงเป้าหมาย หลักการและแนวทางการจัดการศึกษาทุกระดับ
37. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ กำหนดให้รัฐต้องจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาในฐานะที่มีความสำคัญสูงสุดต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศอย่างไร
ก. จัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นค่าใช้จ่ายรายบุคคลที่เหมาะสมแก่ผู้เรียนการศึกษาภาคบังคับ
ข. จัดสรรทุนการศึกษาในรูปของกองทุนกู้ยืมให้แก่ผู้เรียนที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย
ค. จัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาอื่นเป็นพิเศษให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความจำเป็นในการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 10 มาตรา 58 และมาตรา 60 กำหนดให้รัฐต้องจัดสรรงบประมาณแผ่นดินให้กับการศึกษาในฐานะที่มีความสำคัญสูงสุดต่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศ รวมทั้งจัดสรรเงินอุดหนุนทั่วไปเป็นค่าใช้จ่ายรายบุคคลที่เหมาะสมแก่ผู้เรียนการศึกษาภาคบังคับ จัดสรรทุนการศึกษาในรูปของกองทุนกู้ยืมให้แก่ผู้เรียนที่มาจากครอบครัวที่มีรายได้น้อย และจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาอื่นเป็นพิเศษให้เหมาะสมและสอดคล้องกับความจำเป็นในการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการพิเศษ
38. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ การบริหารจัดการศูนย์การเรียนรู้ชุมชนให้ดำเนินการโดยใคร
ก. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ข. คณะกรรมการการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
ค. องค์กรชุมชน
ง. บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่น
เฉลย ง. บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่น
คำอธิบาย: มาตรา 12 กำหนดให้บุคคล ครอบครัว องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น มีสิทธิในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งรวมถึงศูนย์การเรียนรู้ชุมชนด้วย
39. การจัดการศึกษาของสถานศึกษาใด ไม่อยู่ภายใต้บังคับตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542
ก. สถานศึกษาปฐมวัย
ข. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
ค. โรงเรียนเตรียมทหาร
ง. สถาบันอุดมศึกษา
เฉลย ข. โรงเรียนนายร้อยตำรวจ
คำอธิบาย: มาตรา 4 วรรคสาม ระบุว่า การศึกษาที่จัดโดยสถาบันพระปกเกล้าหรือโดยหน่วยงานอื่นของรัฐที่มีกฎหมายกำหนดไว้เป็นการเฉพาะไม่อยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัตินี้ ซึ่งโรงเรียนนายร้อยตำรวจเป็นหน่วยงานที่มีกฎหมายกำหนดไว้โดยเฉพาะคือ พระราชบัญญัติโรงเรียนนายร้อยตำรวจ
40. ในการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสาร และการเรียนรู้ หรือร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแล ถือเป็นการศึกษาประเภทใด
ก. การศึกษานอกระบบ
ข. การศึกษาตามอัธยาศัย
ค. การศึกษาพิเศษ
ง. การศึกษาสำหรับผู้ด้อยโอกาส
เฉลย ค. การศึกษาพิเศษ
คำอธิบาย: มาตรา 10 การจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซึ่งมีความบกพร่องทางร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ สังคม การสื่อสารและการเรียนรู้ หรือมีร่างกายพิการ หรือทุพพลภาพหรือบุคคลซึ่งไม่สามารถพึ่งตนเองได้ หรือไม่มีผู้ดูแลหรือด้อยโอกาส ต้องจัดให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิและโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐานเป็นพิเศษ ซึ่งเรียกว่า “การศึกษาพิเศษ”
41. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ บิดา มารดา ผู้ปกครอง มีหน้าที่ใดเกี่ยวกับการศึกษาของบุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแล
ก. จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับ
ข. สนับสนุนสถานศึกษาในการจัดการศึกษา
ค. จัดให้มีการศึกษานอกเหนือจากการศึกษาในระบบ
ง. ข้อ ก และ ข ถูก
เฉลย ง. ข้อ ก และ ข ถูก
คำอธิบาย: มาตรา 11 บิดา มารดา หรือผู้ปกครองมีหน้าที่จัดให้บุตรหรือบุคคลซึ่งอยู่ในความดูแลได้รับการศึกษาภาคบังคับตามมาตรา 17 และตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนให้ได้รับการศึกษานอกเหนือจากการศึกษาภาคบังคับตามความพร้อมของครอบครัว และมาตรา 58 วรรคสอง ระบุว่า ให้บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น ระดมทรัพยากรเพื่อการศึกษา โดยเป็นผู้จัดและมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา บริจาคทรัพย์สินและทรัพยากรอื่นให้แก่สถานศึกษา และมีส่วนร่วมรับภาระค่าใช้จ่ายทางการศึกษาตามความเหมาะสมและความจำเป็น
42. ใครมีหน้าที่หลักในการจัดการศึกษาปฐมวัยตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. สถานศึกษาเอกชน
ข. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ค. กระทรวงศึกษาธิการ
ง. ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เฉลย ง. ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
คำอธิบาย: มาตรา 18 กำหนดว่า การจัดการศึกษาปฐมวัยอาจจัดได้ในสถานศึกษา ได้แก่ ศูนย์เด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ศูนย์พัฒนาเด็กก่อนเกณฑ์ของสถาบันศาสนา ศูนย์บริการช่วยเหลือระยะแรกเริ่มของเด็กพิการและเด็กซึ่งมีความต้องการพิเศษ หรือสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยที่เรียกชื่ออย่างอื่น โดยรัฐ เอกชน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถร่วมจัดการศึกษาปฐมวัยได้
43. ใครเป็นผู้มีอำนาจในการกำหนดนโยบายและแผนการจัดการศึกษาของรัฐ
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. คณะรัฐมนตรี
ค. คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ง. สภาการศึกษา
เฉลย ข. คณะรัฐมนตรี
คำอธิบาย: มาตรา 33 ให้สภาการศึกษามีหน้าที่พิจารณาเสนอนโยบาย แผน และมาตรฐานการศึกษาต่อคณะรัฐมนตรี ซึ่งเมื่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว จึงถือเป็นนโยบายและแผนการจัดการศึกษาของรัฐ
44. การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถและพัฒนาตนเองได้ โดยถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด ผู้สอนต้องจัดกระบวนการเรียนรู้ตามความเหมาะสมกับผู้เรียนในข้อใด
ก. เน้นการฝึกทักษะกระบวนการคิดการจัดการเผชิญสถานการณ์และการประยุกต์ใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
ข. ประยุกต์ใช้ความรู้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา
ค. จัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ต่างๆ
ง. ถูกทุกข้อ
เฉลย ง. ถูกทุกข้อ
คำอธิบาย: มาตรา 22 และมาตรา 24 กำหนดให้การจัดการศึกษาต้องยึดหลักว่าผู้เรียนทุกคนมีความสามารถเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้ และถือว่าผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด กระบวนการจัดการศึกษาต้องส่งเสริมให้ผู้เรียนสามารถพัฒนาตามธรรมชาติและเต็มตามศักยภาพ โดยจัดเนื้อหาสาระและกิจกรรมให้สอดคล้องกับความสนใจและความถนัดของผู้เรียน ฝึกทักษะ กระบวนการคิด การจัดการ การเผชิญสถานการณ์ และการประยุกต์ความรู้มาใช้เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหา จัดกิจกรรมให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง ฝึกการปฏิบัติให้ทำได้ คิดเป็น ทำเป็น รักการอ่านและเกิดการใฝ่รู้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนจัดการเรียนการสอนโดยผสมผสานสาระความรู้ด้านต่างๆ อย่างได้สัดส่วนสมดุลกัน
45. ข้อใดไม่เกี่ยวข้องกับคุณลักษณะของคนไทยที่พึงประสงค์ตามแนวทางพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
ข. เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข
ค. เป็นคนเก่ง เป็นผู้นำ มีความพร้อมในการแข่งขัน
ง. มีความสมดุลทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
เฉลย ค. เป็นคนเก่ง เป็นผู้นำ มีความพร้อมในการแข่งขัน
คำอธิบาย: มาตรา 6 กำหนดว่า การจัดการศึกษาต้องเป็นไปเพื่อพัฒนาคนไทยให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มีจริยธรรมและวัฒนธรรมในการดำรงชีวิต สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีความสุข โดยไม่ได้เน้นเรื่องการเป็นคนเก่ง เป็นผู้นำ หรือมีความพร้อมในการแข่งขันเป็นหลัก
46. ตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ให้มีการบริหารและการจัดการศึกษาเอกชนโดยยึดหลักการใด
ก. หลักของการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ หลากหลาย และคล่องตัว
ข. หลักของการมีส่วนร่วมของชุมชนและสังคม
ค. หลักการกระจายอำนาจ
ง. หลักความเสมอภาคและมาตรฐานในการจัดการศึกษา
เฉลย ก. หลักของการบริหารจัดการที่เป็นอิสระ หลากหลาย และคล่องตัว
คำอธิบาย: มาตรา 43 การบริหารและการจัดการศึกษาของเอกชนให้มีความเป็นอิสระ โดยมีการกำกับ ติดตาม การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาจากรัฐ และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การประเมินคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาเช่นเดียวกับสถานศึกษาของรัฐ
47. การจัดสรรงบประมาณสำหรับสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลในกำกับของรัฐ ทำในรูปแบบใด
ก. เงินอุดหนุนทั่วไปรายหัว
ข. เงินอุดหนุนทั่วไปที่ใช้ในการดำเนินงาน
ค. เงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายบุคคล
ง. เงินอุดหนุนทั่วไปตามความเหมาะสมและความจำเป็น
เฉลย ข. เงินอุดหนุนทั่วไปที่ใช้ในการดำเนินงาน
คำอธิบาย: มาตรา 62 ให้มีการจัดสรรงบประมาณและทรัพยากรทางการศึกษาอื่นเป็นพิเศษให้เหมาะสม และสอดคล้องกับความจำเป็นในการจัดการศึกษาสำหรับผู้เรียนที่มีความต้องการเป็นพิเศษแต่ละกลุ่ม และการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายเป็นเงินอุดหนุนสำหรับการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง โดยการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปสำหรับสถานศึกษาของรัฐที่เป็นนิติบุคคลในกำกับของรัฐหรือองค์การมหาชน ให้จัดสรรเป็นเงินอุดหนุนทั่วไปที่ใช้ในการดำเนินงาน
48. ข้อใดไม่ใช่รูปแบบของกองทุนที่มีการกำหนดไว้ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. กองทุนการศึกษาเอกชน
ข. กองทุนพัฒนาครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษา
ค. กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
ง. กองทุนวิจัยและพัฒนาการศึกษา
เฉลย ง. กองทุนวิจัยและพัฒนาการศึกษา
คำอธิบาย: พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติกำหนดให้มีกองทุนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ได้แก่ กองทุนพัฒนาการศึกษาของรัฐและเอกชนตามมาตรา 58 วรรคสาม กองทุนส่งเสริมครู คณาจารย์ และบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรา 52 กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาตามมาตรา 60 แต่ไม่ได้ระบุถึง “กองทุนวิจัยและพัฒนาการศึกษา” ไว้โดยตรง
49. การบริหารและการจัดการศึกษาของรัฐให้คำนึงถึงหลักการใด
ก. หลักอุปสงค์-อุปทาน
ข. หลักการมีส่วนร่วม
ค. หลักการกระจายอำนาจ
ง. ถูกทั้งข้อ ข และ ค
เฉลย ง. ถูกทั้งข้อ ข และ ค
คำอธิบาย: มาตรา 39 ระบุว่า ให้กระทรวงกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการศึกษา ทั้งด้านวิชาการ งบประมาณ การบริหารงานบุคคล และการบริหารทั่วไปไปยังคณะกรรมการ และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และสถานศึกษาในเขตพื้นที่การศึกษาโดยตรง และมาตรา 8 (2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ซึ่งเป็นหลักการสำคัญของการจัดการศึกษา
50. ข้อใดไม่ใช่หลักการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
ก. เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
ข. ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
ค. มีการพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
ง. มีเอกภาพด้านการปฏิบัติและความหลากหลายด้านนโยบาย
เฉลย ง. มีเอกภาพด้านการปฏิบัติและความหลากหลายด้านนโยบาย
คำอธิบาย: มาตรา 8 กำหนดหลักการจัดการศึกษาให้ยึดหลัก (1) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน (2) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา (3) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่วนมาตรา 9 กำหนดให้จัดระบบ โครงสร้าง และกระบวนการจัดการศึกษาโดยยึดหลัก “มีเอกภาพด้านนโยบาย และมีความหลากหลายในการปฏิบัติ” ซึ่งตรงข้ามกับตัวเลือก ง.
Review ลูกค้า
ครูผู้ช่วย อปท. กลุ่มวิชาต่างๆ
แนวข้อสอบพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปรนัย 50 ข้อ พร้อมเฉลย

