แนวข้อสอบ หลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร

ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักสูตร

1. ข้อใดคือความหมายของหลักสูตรที่ถูกต้องที่สุด

ก. เอกสารที่กำหนดเนื้อหาวิชาที่จะสอนในชั้นเรียน
ข. ประมวลประสบการณ์ทั้งหมดที่จัดให้แก่ผู้เรียนทั้งในและนอกโรงเรียน
ค. แผนการสอนที่ครูใช้ในการจัดการเรียนรู้
ง. แบบเรียนที่ใช้ในการเรียนการสอน

2. องค์ประกอบพื้นฐานของหลักสูตรไม่รวมข้อใด

ก. จุดมุ่งหมายของหลักสูตร
ข. เนื้อหาสาระและประสบการณ์การเรียนรู้
ค. การวัดและประเมินผล
ง. งบประมาณในการจัดทำหลักสูตร

3. ข้อใดไม่ใช่ประเภทของหลักสูตร

ก. หลักสูตรรายวิชา (Subject Curriculum)
ข. หลักสูตรพื้นฐาน (Core Curriculum)
ค. หลักสูตรแฝง (Hidden Curriculum)
ง. หลักสูตรสำรอง (Reserve Curriculum)

4. ทฤษฎีหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลางมีพื้นฐานมาจากปรัชญาการศึกษาใด

ก. ปรัชญาสารัตถนิยม (Essentialism)
ข. ปรัชญาพิพัฒนาการนิยม (Progressivism)
ค. ปรัชญานิรันตรนิยม (Perennialism)
ง. ปรัชญาสัจนิยม (Realism)

5. หลักสูตรที่เน้นการบูรณาการความรู้หลายสาขาวิชาเข้าด้วยกันคือข้อใด

ก. หลักสูตรรายวิชา (Subject Curriculum)
ข. หลักสูตรสัมพันธ์วิชา (Correlated Curriculum)
ค. หลักสูตรบูรณาการ (Integrated Curriculum)
ง. หลักสูตรประสบการณ์ (Experience Curriculum)

การพัฒนาหลักสูตร

6. ขั้นตอนแรกของการพัฒนาหลักสูตรคือข้อใด

ก. การกำหนดจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
ข. การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน
ค. การเลือกและจัดเนื้อหาสาระ
ง. การกำหนดวิธีการวัดและประเมินผล

7. การนำหลักสูตรไปทดลองใช้ในวงจำกัดก่อนนำไปใช้จริงเป็นขั้นตอนใดในการพัฒนาหลักสูตร

ก. การวางแผนหลักสูตร (Curriculum Planning)
ข. การออกแบบหลักสูตร (Curriculum Design)
ค. การทดลองใช้หลักสูตร (Curriculum Trial)
ง. การประเมินหลักสูตร (Curriculum Evaluation)

8. ใครเป็นผู้เสนอรูปแบบการพัฒนาหลักสูตรที่เรียกว่า “The Tyler Rationale”

ก. Hilda Taba
ข. Ralph W. Tyler
ค. Jerome Bruner
ง. John Dewey

9. ข้อใดไม่ใช่ข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาหลักสูตร

ก. ข้อมูลเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรม
ข. ข้อมูลเกี่ยวกับผู้เรียน
ค. ข้อมูลเกี่ยวกับเนื้อหาวิชา
ง. ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ตั้งของโรงเรียน

10. การประเมินหลักสูตรแบบ CIPP Model ประกอบด้วยการประเมินด้านใดบ้าง

ก. Context, Input, Process, Product
ข. Content, Implementation, Pedagogy, Performance
ค. Curriculum, Instruction, Planning, Practice
ง. Core, Integration, Preparation, Practice

การนำหลักสูตรไปใช้

11. การนำหลักสูตรไปใช้หมายถึงข้อใด

ก. การจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
ข. การแปลงหลักสูตรไปสู่การปฏิบัติในชั้นเรียน
ค. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้
ง. การจัดทำแผนการสอน

12. ปัจจัยใดที่มีผลต่อความสำเร็จในการนำหลักสูตรไปใช้มากที่สุด

ก. ความพร้อมของสื่อและอุปกรณ์การสอน
ข. ความรู้ความเข้าใจของครูต่อหลักสูตร
ค. การสนับสนุนจากผู้บริหาร
ง. งบประมาณในการพัฒนาหลักสูตร

13. การปรับปรุงหลักสูตรให้สอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษาเรียกว่าอะไร

ก. การพัฒนาหลักสูตร
ข. การประเมินหลักสูตร
ค. การบริหารหลักสูตร
ง. การปรับหลักสูตร

14. บทบาทหลักของครูในการนำหลักสูตรไปใช้คือข้อใด

ก. จัดทำหลักสูตรสถานศึกษา
ข. ประเมินผลการใช้หลักสูตรรายปี
ค. จัดการเรียนรู้ตามแนวทางของหลักสูตร
ง. ปรับปรุงเนื้อหาสาระในหลักสูตร

15. การนิเทศการใช้หลักสูตรมีจุดมุ่งหมายหลักคืออะไร

ก. ตรวจสอบการทำงานของครู
ข. ช่วยเหลือและสนับสนุนครูให้ใช้หลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ค. ประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
ง. รายงานผลการใช้หลักสูตรต่อต้นสังกัด

การประเมินหลักสูตร

16. การประเมินหลักสูตรหลังจากใช้หลักสูตรไปแล้วระยะหนึ่งเรียกว่าอะไร

ก. การประเมินก่อนนำหลักสูตรไปใช้ (Pre-evaluation)
ข. การประเมินระหว่างการใช้หลักสูตร (Formative Evaluation)
ค. การประเมินหลังการใช้หลักสูตร (Summative Evaluation)
ง. การประเมินติดตามผล (Follow-up Evaluation)

17. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตร

ก. ทราบจุดเด่นและจุดด้อยของหลักสูตร
ข. ได้ข้อมูลในการปรับปรุงหลักสูตร
ค. ทราบจำนวนนักเรียนที่จะเข้าเรียนในปีต่อไป
ง. ทราบผลสัมฤทธิ์ของการใช้หลักสูตร

18. ใครเป็นผู้มีบทบาทสำคัญที่สุดในการประเมินหลักสูตรระดับห้องเรียน

ก. ผู้บริหารสถานศึกษา
ข. ศึกษานิเทศก์
ค. ครูผู้สอน
ง. คณะกรรมการสถานศึกษา

19. รูปแบบการประเมินหลักสูตรที่เน้นการตัดสินคุณค่าของหลักสูตรโดยผู้เชี่ยวชาญคือข้อใด

ก. Stake’s Countenance Model
ข. Scriven’s Goal-Free Model
ค. Tyler’s Objective Model
ง. Eisner’s Connoisseurship Model

20. ข้อใดเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของหลักสูตรที่สำคัญที่สุด

ก. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียน
ข. ความพึงพอใจของครูต่อหลักสูตร
ค. ความสอดคล้องกับนโยบายการศึกษาของประเทศ
ง. จำนวนชั่วโมงเรียนที่เหมาะสม

หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

21. หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551 (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. 2560) กำหนดสมรรถนะสำคัญของผู้เรียนไว้กี่ประการ

ก. 3 ประการ
ข. 5 ประการ
ค. 7 ประการ
ง. 9 ประการ

22. ข้อใดไม่ใช่สาระการเรียนรู้แกนหลักในหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน

ก. ภาษาไทย
ข. คณิตศาสตร์
ค. การงานอาชีพ
ง. พลศึกษานานาชาติ

23. การจัดการศึกษาตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมุ่งพัฒนาผู้เรียนให้เป็นคนดี มีปัญญา มีความสุข และมีคุณลักษณะอะไร

ก. มีความเป็นไทย
ข. มีศักยภาพในการศึกษาต่อ
ค. มีความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ
ง. มีความสามารถในการประกอบอาชีพ

24. กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานแบ่งเป็นกี่ลักษณะ

ก. 2 ลักษณะ
ข. 3 ลักษณะ
ค. 4 ลักษณะ
ง. 5 ลักษณะ

25. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐานมีกี่ระดับ

ก. 2 ระดับ
ข. 3 ระดับ
ค. 4 ระดับ
ง. 5 ระดับ

การออกแบบหลักสูตรและการจัดการเรียนรู้

26. การจัดทำหน่วยการเรียนรู้ที่มีการบูรณาการเนื้อหาหลายวิชาเข้าด้วยกันเรียกว่าอะไร

ก. หน่วยการเรียนรู้เชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary Unit)
ข. หน่วยการเรียนรู้แบบโครงงาน (Project-based Unit)
ค. หน่วยการเรียนรู้แบบสืบเสาะ (Inquiry-based Unit)
ง. หน่วยการเรียนรู้แบบย้อนกลับ (Backward Design Unit)

27. แนวคิด Backward Design เกี่ยวข้องกับการออกแบบหลักสูตรอย่างไร

ก. เริ่มต้นจากการกำหนดเนื้อหาแล้วจึงกำหนดจุดประสงค์
ข. เริ่มต้นจากการกำหนดผลลัพธ์ที่ต้องการแล้วจึงวางแผนการจัดการเรียนรู้
ค. เริ่มต้นจากการประเมินผลแล้วจึงย้อนกลับมากำหนดจุดประสงค์
ง. เริ่มต้นจากการจัดกิจกรรมแล้วจึงกำหนดเนื้อหา

28. การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ที่ดีควรคำนึงถึงสิ่งใดเป็นหลัก

ก. ความต้องการของผู้บริหาร
ข. ความสะดวกของครูผู้สอน
ค. ความสอดคล้องกับหลักสูตรและความแตกต่างของผู้เรียน
ง. ความพร้อมของสื่อและอุปกรณ์การสอน

29. หลักการสำคัญของการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญคืออะไร

ก. ครูเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้แก่ผู้เรียน
ข. ผู้เรียนเป็นผู้สร้างความรู้ด้วยตนเอง
ค. การเรียนรู้เกิดจากการท่องจำเนื้อหา
ง. การเรียนรู้เกิดจากการฟังการบรรยายของครู

30. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของการจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning

ก. ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนรู้
ข. ผู้เรียนได้คิด วิเคราะห์ และลงมือปฏิบัติ
ค. ผู้เรียนสร้างความรู้และค้นพบความรู้ด้วยตนเอง
ง. ผู้เรียนนั่งฟังการบรรยายและจดบันทึกเนื้อหา

นวัตกรรมและแนวโน้มการพัฒนาหลักสูตร

31. หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum) มีลักษณะเด่นอย่างไร

ก. เน้นเนื้อหาวิชาเป็นหลัก
ข. เน้นการพัฒนาความสามารถที่จำเป็นในการใช้ชีวิตและการทำงาน
ค. เน้นการท่องจำความรู้
ง. เน้นการสอบวัดความรู้

32. แนวโน้มการพัฒนาหลักสูตรในยุคปัจจุบันให้ความสำคัญกับเรื่องใดมากที่สุด

ก. การเตรียมผู้เรียนให้มีทักษะในศตวรรษที่ 21
ข. การเน้นเนื้อหาวิชาหลักให้เข้มข้นขึ้น
ค. การลดจำนวนชั่วโมงเรียนลง
ง. การเพิ่มจำนวนวิชาเรียน

33. STEM Education เป็นแนวคิดการจัดการศึกษาที่บูรณาการวิชาใดเข้าด้วยกัน

ก. สังคมศึกษา เทคโนโลยี ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์
ข. วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์
ค. สุขศึกษา เทคโนโลยี การงานอาชีพ วิทยาศาสตร์
ง. สารสนเทศ เทคโนโลยี ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์

34. การจัดหลักสูตรแบบ Problem-based Learning มีลักษณะสำคัญอย่างไร

ก. ใช้ปัญหาเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เรียนแสวงหาความรู้
ข. ใช้โครงงานเป็นหลักในการจัดการเรียนรู้
ค. ใช้การสอนแบบบรรยาย
ง. ใช้การท่องจำเป็นหลัก

35. แนวคิด Growth Mindset ที่นำมาใช้ในการพัฒนาหลักสูตรคืออะไร

ก. ความเชื่อว่าความสามารถเป็นสิ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
ข. ความเชื่อว่าความสามารถสามารถพัฒนาได้ด้วยความพยายาม
ค. ความเชื่อว่าการเติบโตทางสติปัญญามีขีดจำกัด
ง. ความเชื่อว่าการเรียนรู้มีได้เฉพาะในวัยเด็กเท่านั้น

การบริหารจัดการหลักสูตร

36. ใครมีบทบาทหลักในการบริหารจัดการหลักสูตรระดับสถานศึกษา

ก. กระทรวงศึกษาธิการ
ข. สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา
ค. ผู้บริหารสถานศึกษา
ง. ครูผู้สอน

37. การกำหนดโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษาควรคำนึงถึงสิ่งใดเป็นหลัก

ก. ความต้องการของชุมชน
ข. ความสอดคล้องกับหลักสูตรแกนกลางและบริบทของสถานศึกษา
ค. ความสะดวกในการจัดการเรียนการสอน
ง. ความพร้อมของครูผู้สอน

38. การนิเทศภายในเกี่ยวกับการใช้หลักสูตรเป็นหน้าที่ของใคร

ก. ศึกษานิเทศก์จากเขตพื้นที่การศึกษา
ข. ผู้บริหารสถานศึกษาและครูวิชาการ
ค. คณะกรรมการสถานศึกษา
ง. ผู้ปกครองนักเรียน

39. ข้อใดไม่ใช่องค์ประกอบของการบริหารจัดการหลักสูตรสถานศึกษา

ก. การวางแผนการใช้หลักสูตร
ข. การดำเนินการใช้หลักสูตร
ค. การนิเทศติดตามและประเมินผลการใช้หลักสูตร
ง. การจัดซื้อสื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอน

40. การสร้างความร่วมมือระหว่างสถานศึกษากับชุมชนในการพัฒนาหลักสูตรท้องถิ่นมีความสำคัญอย่างไร

ก. ช่วยลดภาระงานของครู
ข. ช่วยให้ได้งบประมาณเพิ่มขึ้น
ค. ช่วยให้หลักสูตรสอดคล้องกับความต้องการของท้องถิ่น
ง. ช่วยเพิ่มจำนวนนักเรียน

การวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตร

41. การวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เป็นกระบวนการวิจัยที่มุ่งเน้นสิ่งใด

ก. การแก้ปัญหา
ข. การพัฒนานวัตกรรม
ค. การสำรวจความคิดเห็น
ง. การทดลอง

42. การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) ในการพัฒนาหลักสูตรมีลักษณะอย่างไร

ก. ทำวิจัยแล้วรายงานผล
ข. ทำวิจัยเพื่อพัฒนาทฤษฎีใหม่
ค. ทำวิจัยควบคู่ไปกับการปฏิบัติงานและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ง. ทำวิจัยโดยผู้เชี่ยวชาญภายนอก

43. ข้อใดไม่ใช่ประโยชน์ของการวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตร

ก. ได้ข้อมูลสำหรับการปรับปรุงหลักสูตร
ข. ได้นวัตกรรมการเรียนรู้ใหม่ๆ
ค. ได้แนวทางในการพัฒนาผู้เรียน
ง. ได้ผลงานวิชาการสำหรับการขอตำแหน่งทางวิชาการ

44. การวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรควรมีขั้นตอนแรกเป็นอย่างไร

ก. กำหนดวัตถุประสงค์การวิจัย
ข. วิเคราะห์สภาพปัญหาและความต้องการ
ค. สร้างเครื่องมือวิจัย
ง. ทดลองใช้นวัตกรรม

45. ใครควรมีส่วนร่วมในการวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรสถานศึกษา

ก. ครูผู้สอนเท่านั้น
ข. ผู้บริหารสถานศึกษาเท่านั้น
ค. นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเท่านั้น
ง. ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น ครู ผู้บริหาร นักเรียน ผู้ปกครอง และชุมชน

ความท้าทายในการพัฒนาหลักสูตร

46. สถานการณ์ใดส่งผลกระทบต่อการพัฒนาหลักสูตรในยุคปัจจุบันมากที่สุด

ก. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
ข. การขาดแคลนงบประมาณ
ค. การขาดแคลนครู
ง. การขาดแคลนอาคารสถานที่

47. ทักษะในศตวรรษที่ 21 ที่จำเป็นต้องพัฒนาให้กับผู้เรียนไม่รวมข้อใด

ก. ทักษะด้านการคิดวิเคราะห์
ข. ทักษะด้านการสื่อสาร
ค. ทักษะด้านการท่องจำ
ง. ทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

48. การพัฒนาหลักสูตรในยุคดิจิทัลมีความท้าทายในด้านใดมากที่สุด

ก. การบูรณาการเทคโนโลยีในหลักสูตร
ข. การพัฒนาครูให้มีทักษะด้านดิจิทัล
ค. การสร้างสมดุลระหว่างการเรียนรู้ออนไลน์และออฟไลน์
ง. การจัดหาอุปกรณ์เทคโนโลยีที่ทันสมัย

49. ประเด็นใดเป็นความท้าทายในการพัฒนาหลักสูตรเพื่อตอบสนองความหลากหลายของผู้เรียน

ก. การจัดการเรียนรู้ที่ตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
ข. การจัดหาครูที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
ค. การจัดหาสื่อการเรียนรู้ที่หลากหลาย
ง. การบริหารจัดการชั้นเรียนที่มีขนาดใหญ่

50. แนวทางการพัฒนาหลักสูตรในอนาคตควรให้ความสำคัญกับประเด็นใดมากที่สุด

ก. การพัฒนาทักษะการคิดขั้นสูงและความคิดสร้างสรรค์
ข. การเน้นเนื้อหาวิชาการเป็นหลัก
ค. การจัดการเรียนรู้แบบท่องจำ
ง. การแข่งขันระหว่างผู้เรียน