แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก 2546 ฟรี

แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 

ส่วนที่ 1: บททั่วไปและคำนิยาม

1. พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มีผลบังคับใช้เมื่อใด

ก. วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ข. 30 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. 180 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

2. ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 “เด็ก” หมายถึงบุคคลอายุเท่าใด

ก. อายุต่ำกว่า 15 ปีบริบูรณ์
ข. อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
ค. อายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์
ง. อายุต่ำกว่า 25 ปีบริบูรณ์

3. ใครเป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

4. ผู้ใดมีอำนาจออกกฎกระทรวง ระเบียบหรือข้อบังคับเพื่อปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรี
ค. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ง. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน

5. “เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด” หมายถึงเด็กในข้อใด

ก. เด็กที่ประพฤติตนไม่สมควร
ข. เด็กที่ประพฤติตนเสี่ยงต่อการกระทำผิด
ค. เด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่อันอาจชักนำให้กระทำผิด
ง. ถูกทุกข้อ


ส่วนที่ 2: คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก

6. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่าอะไร

ก. คคด.
ข. คกด.
ค. คดช.
ง. คคช.

7. ใครเป็นประธานคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ

ก. นายกรัฐมนตรี
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ง. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน

8. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติมีกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนกี่คน

ก. ไม่เกิน 5 คน
ข. ไม่เกิน 8 คน
ค. ไม่เกิน 10 คน
ง. ไม่เกิน 12 คน

9. กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติมีวาระการดำรงตำแหน่งกี่ปี

ก. 2 ปี
ข. 3 ปี
ค. 4 ปี
ง. 5 ปี

10. ข้อใดไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ

ก. เสนอความเห็นต่อรัฐมนตรีเกี่ยวกับนโยบายและแผนงาน
ข. เสนอแนะต่อรัฐมนตรีในการออกกฎกระทรวง
ค. พิจารณาอุทธรณ์คำสั่งของผู้ปกครองสวัสดิภาพ
ง. ให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์เด็กโดยตรง


ส่วนที่ 3: การสงเคราะห์เด็ก

11. การสงเคราะห์เด็กตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มุ่งเน้นเด็กในข้อใด

ก. เด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า
ข. เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง
ค. เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้
ง. ถูกทุกข้อ

12. ผู้ปกครองสวัสดิภาพของสถานสงเคราะห์มีอำนาจและหน้าที่อย่างไร

ก. รับตัวเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ไว้ในความอุปการะ
ข. สืบเสาะและพินิจเพื่อหาวิธีการสงเคราะห์ที่เหมาะสม
ค. จัดการศึกษา อบรม และอาชีพแก่เด็กในความอุปการะ
ง. ถูกทุกข้อ

13. ผู้ใดมีอำนาจในการรับเด็กไว้อุปการะในสถานสงเคราะห์

ก. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข. พนักงานเจ้าหน้าที่
ค. ผู้ปกครองสวัสดิภาพ
ง. ข้อ ข และ ค ถูก

14. หากมีการนำเด็กเข้ารับการสงเคราะห์โดยไม่มีผู้ปกครอง หน่วยงานต้องดำเนินการอย่างไร

ก. ประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันทันที
ข. แจ้งให้ผู้ปกครองทราบภายใน 15 วัน
ค. ประกาศทางสื่อมวลชนหรือวิธีอื่นใดเพื่อหาผู้ปกครองโดยมิชักช้า
ง. แจ้งให้พนักงานฝ่ายปกครองทราบทันที

15. ระยะเวลาในการอุปการะเด็กในสถานสงเคราะห์กำหนดไว้อย่างไร

ก. ไม่เกิน 3 เดือน
ข. ไม่เกิน 6 เดือน
ค. ไม่เกิน 1 ปี
ง. กำหนดตามความเหมาะสมในแต่ละกรณี


ส่วนที่ 4: การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก

16. เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ได้แก่ข้อใด

ก. เด็กที่ถูกทารุณกรรม
ข. เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด
ค. เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ
ง. ถูกทุกข้อ

17. ผู้ใดพบเห็นเด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิดต้องดำเนินการอย่างไร

ก. แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ข. แจ้งต่อผู้ปกครองสวัสดิภาพ
ค. แจ้งต่อพนักงานฝ่ายปกครอง
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข

18. หากพบว่าเด็กจำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ ผู้ใดมีอำนาจส่งตัวเด็กไปตรวจสุขภาพ

ก. พนักงานเจ้าหน้าที่
ข. ผู้ปกครองสวัสดิภาพ
ค. นักสังคมสงเคราะห์
ง. ศาลเยาวชนและครอบครัว

19. การดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กที่ถูกทารุณกรรมจะต้องดำเนินการอย่างไร

ก. แยกเด็กจากครอบครัวโดยทันที
ข. ดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
ค. ดำเนินการโดยคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้แจ้งเป็นสำคัญ
ง. ดำเนินการตามคำสั่งของพนักงานสอบสวนเท่านั้น

20. บุคคลใดที่ห้ามเปิดเผยชื่อ ภาพ หรือข้อมูลที่ทำให้รู้จักตัวเด็ก

ก. เด็กที่เป็นผู้กระทำความผิด
ข. เด็กที่ถูกกระทำ
ค. เด็กที่เป็นพยานในคดี
ง. ถูกทุกข้อ


ส่วนที่ 5: ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก

21. พนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ได้แก่ใคร

ก. ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
ข. ข้าราชการสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
ง. เจ้าหน้าที่ตำรวจ

22. ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่าเด็กจำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพ สามารถเข้าไปในสถานที่ใดได้บ้าง

ก. เฉพาะเคหสถานหรือสถานที่ที่เด็กอาศัยอยู่
ข. สถานที่ใดๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีเด็กที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครอง
ค. สถานที่ของรัฐเท่านั้น
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข

23. พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจแยกตัวเด็กจากครอบครัวได้กรณีใด

ก. มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการกระทำทารุณกรรมเด็ก
ข. มีเหตุฉุกเฉินที่อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก
ค. เมื่อมีการร้องขอจากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ปกครอง
ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข

24. หากพนักงานเจ้าหน้าที่แยกตัวเด็กจากครอบครัวในกรณีฉุกเฉิน ต้องนำเด็กไปส่งให้กับใคร

ก. สถานสงเคราะห์
ข. สถานพัฒนาและฟื้นฟู
ค. สถานแรกรับ
ง. ถูกทุกข้อ

25. เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กได้รับแจ้งเรื่องเด็กถูกทารุณกรรม ต้องดำเนินการอย่างไร

ก. แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนโดยทันที
ข. แจ้งต่อพนักงานอัยการโดยทันที
ค. แจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัดทันที
ง. ดำเนินการให้การสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพทันที


ส่วนที่ 6: สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู

26. ผู้ใดประสงค์จะจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก ต้องขอรับใบอนุญาตจากใคร

ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ข. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน
ง. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล

27. สถานพัฒนาและฟื้นฟูตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 หมายถึงอะไร

ก. สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่ออุปการะเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี
ข. สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่ออบรมสั่งสอนเด็กที่มีความประพฤติไม่สมควร
ค. สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการสงเคราะห์เด็กที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์
ง. สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ

28. ข้อใดถือเป็นสถานสงเคราะห์ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546

ก. โรงเรียนเอกชนสำหรับเด็กพิการ
ข. สถานที่ดูแลเด็กกำพร้าอายุต่ำกว่า 6 ปี
ค. สถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนเอกชน
ง. ถูกทุกข้อ

29. ใบอนุญาตจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ มีอายุกี่ปี

ก. 1 ปี
ข. 2 ปี
ค. 3 ปี
ง. 5 ปี

30. หากผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานสงเคราะห์ประสงค์จะเลิกกิจการ ต้องแจ้งเป็นหนังสือล่วงหน้าเป็นเวลาเท่าใด

ก. 15 วัน
ข. 30 วัน
ค. 60 วัน
ง. 90 วัน


ส่วนที่ 7: การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา

31. ใครมีอำนาจในการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา

ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
ข. ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ง. ผู้ว่าราชการจังหวัด

32. พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษามีอำนาจดำเนินการใด

ก. สอบถามครูอาจารย์เกี่ยวกับความประพฤติของนักเรียนหรือนักศึกษา
ข. เข้าไปในเคหสถานเมื่อมีเหตุอันควรสงสัย
ค. แยกตัวนักเรียนหรือนักศึกษาออกจากครอบครัว
ง. ถูกทุกข้อ

33. ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านักเรียนหรือนักศึกษาจะกระทำความผิด ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างไร

ก. จับกุมตัวนักเรียนหรือนักศึกษา
ข. แจ้งความดำเนินคดี
ค. มีหนังสือเชิญผู้ปกครองมาพบ
ง. มีอำนาจห้ามมิให้กระทำการและส่งตัวนักเรียนหรือนักศึกษานั้นไปยังสถานศึกษา

34. นักเรียนและนักศึกษาต้องปฏิบัติตนอย่างไร

ก. ประพฤติตนให้เหมาะสมกับสภาพนักเรียนหรือนักศึกษา
ข. ปฏิบัติตามกฎกระทรวงและระเบียบของโรงเรียน
ค. อยู่ภายใต้การปกครองของสถานศึกษาที่ตนศึกษาอยู่
ง. ถูกทุกข้อ

35. ห้ามมิให้นักเรียนและนักศึกษาประพฤติตนในลักษณะใด

ก. หนีเรียน
ข. เข้าไปในสถานบริการตามกฎหมาย
ค. เล่นการพนัน
ง. ถูกทุกข้อ


ส่วนที่ 8: กองทุนคุ้มครองเด็ก

36. การจัดให้มีกองทุนคุ้มครองเด็กมีวัตถุประสงค์ใด

ก. สงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก
ข. ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาของบุคลากรที่ทำงานด้านเด็ก
ค. สนับสนุนโครงการด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาเด็ก
ง. ถูกทุกข้อ

37. กองทุนคุ้มครองเด็กประกอบด้วยเงินและทรัพย์สินจากแหล่งใด

ก. เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้
ข. เงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี
ค. เงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้
ง. ถูกทุกข้อ

38. ผู้ใดมีอำนาจในการอนุมัติจ่ายเงินกองทุนคุ้มครองเด็ก

ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. คณะกรรมการบริหารกองทุน
ง. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน

39. คณะกรรมการบริหารกองทุนประกอบด้วยใครเป็นประธาน

ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. ผู้แทนสำนักงบประมาณ
ง. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน

40. ผู้ใดรับผิดชอบในการรับเงิน การจ่ายเงิน และการเก็บรักษาเงินกองทุนคุ้มครองเด็ก

ก. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ข. อธิบดีกรมบัญชีกลาง
ค. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน
ง. เลขานุการคณะกรรมการบริหารกองทุน


ส่วนที่ 9: บทกำหนดโทษ

41. บุคคลที่กระทำการเลี้ยงดูโดยมิชอบ ทารุณกรรม หรือใช้เด็กเป็นเครื่องมือในการขอทาน จะได้รับโทษอย่างไร

ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

42. บุคคลที่โฆษณาหรือเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็กโดยมุ่งหมายให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก จะได้รับโทษอย่างไร

ก. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

43. บุคคลใดขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 จะได้รับโทษอย่างไร

ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ง. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

44. ผู้ปกครองที่ละเลยไม่แจ้งการพบเห็นเด็กในสภาพจำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพต้องระวางโทษอย่างไร

ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ค. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
ง. ปรับไม่เกิน 30,000 บาท

45. การจัดตั้งหรือดำเนินกิจการสถานรับเลี้ยงเด็กโดยไม่ได้รับอนุญาตมีโทษอย่างไร

ก. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน และปรับไม่เกิน 1,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน
ค. จำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 1,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน
ง. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 1,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน


ส่วนที่ 10: บทเบ็ดเตล็ด

46. ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดประกอบด้วยใครบ้าง

ก. กรรมการโดยตำแหน่งตามมาตรา 17 (1) (2) (3) (4) (5) (6) (7) (8) และ (9) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 17
ข. กรรมการโดยตำแหน่งตามมาตรา 16 (1) (2) (3) (4) และ (5) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 16 (6) (7) (8) (9)
ค. กรรมการโดยตำแหน่งทั้งหมด
ง. กรรมการที่รัฐมนตรีแต่งตั้งเป็นการเฉพาะกิจ

47. บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ต้องได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือไม่

ก. ไม่ต้องประกาศ
ข. ประกาศเฉพาะข้อบังคับ
ค. ประกาศเฉพาะกฎกระทรวง
ง. ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา

48. ในระหว่างที่ยังไม่มีการแต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด ให้ใครปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน

ก. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
ข. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
ค. ผู้ว่าราชการจังหวัด
ง. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน

49. ให้มีการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟูขึ้นภายในระยะเวลาเท่าใดนับแต่วันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กใช้บังคับ

ก. 60 วัน
ข. 120 วัน
ค. 180 วัน
ง. 1 ปี

50. กรณีที่สถานรับเลี้ยงเด็กเอกชนที่จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ใช้บังคับ ผู้ดำเนินกิจการต้องดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ภายในระยะเวลาใด

ก. 30 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ข. 90 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ค. 180 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
ง. 1 ปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ


Review ลูกค้า

เฉลย แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 พร้อมคำอธิบาย

ส่วนที่ 1: บททั่วไปและคำนิยาม

ข้อ 1
– เฉลย: ค. 120 วัน นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 2 กำหนดว่า “พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป” โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2546 และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2547

ข้อ 2.
– เฉลย: ข. อายุต่ำกว่า 18 ปีบริบูรณ์
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 4 “เด็ก” หมายความว่า บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่าสิบแปดปีบริบูรณ์ แต่ไม่รวมถึงผู้ที่บรรลุนิติภาวะด้วยการสมรส

ข้อ 3.
– เฉลย: ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 5 “ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้” โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เป็นผู้รักษาการหลัก

ข้อ 4.
– เฉลย: ข. รัฐมนตรี
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 5 วรรคสอง “รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงมีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่กับออกกฎกระทรวงหรือระเบียบเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ในส่วนที่เกี่ยวกับราชการของกระทรวงนั้น”

ข้อ 5.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 4 “เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด” หมายความว่า เด็กที่ประพฤติตนไม่สมควร เด็กที่ประพฤติตนเสี่ยงต่อการกระทำผิด หรือเด็กที่อยู่ในสภาพแวดล้อมหรือสถานที่อันอาจชักนำให้กระทำผิด


ส่วนที่ 2: คณะกรรมการคุ้มครองเด็ก

ข้อ 6.
– เฉลย: ก. คคด.
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 7 “ให้มีคณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ เรียกโดยย่อว่า ‘คคด.’ ประกอบด้วย…”

ข้อ 7.
– เฉลย: ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 7 (1) กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานกรรมการ

ข้อ 8.
– เฉลย: ค. ไม่เกิน 10 คน
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 7 (6) กำหนดให้มีผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งกรรมการตาม (1) ถึง (5) แต่งตั้งจำนวนไม่เกินสิบคน โดยแต่งตั้งจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีประสบการณ์ในการงานที่ทำเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเด็กไม่น้อยกว่า 5 คน

ข้อ 9.
– เฉลย: ข. 3 ปี
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 10 “กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี”

ข้อ 10.
– เฉลย: ง. ให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์เด็กโดยตรง
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 14 คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่เชิงนโยบายและการกำกับดูแล แต่ไม่มีหน้าที่ให้ความช่วยเหลือและสงเคราะห์เด็กโดยตรง ซึ่งเป็นหน้าที่ของหน่วยงานปฏิบัติ


ส่วนที่ 3: การสงเคราะห์เด็ก

ข้อ 11.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 32 การสงเคราะห์เด็กครอบคลุมถึงเด็กเร่ร่อน เด็กกำพร้า เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง และเด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้ รวมถึงกลุ่มอื่นๆ ที่ระบุในมาตรานี้

ข้อ 12.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 35 ผู้ปกครองสวัสดิภาพมีอำนาจหน้าที่ ทั้งการรับตัวเด็ก สืบเสาะและพินิจ และจัดการศึกษา อบรม และอาชีพแก่เด็ก

ข้อ 13.
– เฉลย: ง. ข้อ ข และ ค ถูก
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 33 พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 24 มีอำนาจรับเด็กไว้อุปการะชั่วคราวได้

ข้อ 14.
– เฉลย: ค. ประกาศทางสื่อมวลชนหรือวิธีอื่นใดเพื่อหาผู้ปกครองโดยมิชักช้า
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 33 วรรคสอง “ในกรณีพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 24 ได้รับตัวเด็กไว้ตามวรรคหนึ่ง ให้รีบสืบหาตัวผู้ปกครอง หากยังไม่อาจพบ… ให้ประกาศทางสื่อมวลชนหรือวิธีการอื่นใดที่เหมาะสม เพื่อหาตัวผู้ปกครอง โดยมิชักช้า”

ข้อ 15.
– เฉลย: ง. กำหนดตามความเหมาะสมในแต่ละกรณี
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 33 วรรคห้า “หลักเกณฑ์และวิธีการในการให้การสงเคราะห์ตามวรรคหนึ่งและวรรคสอง ให้เป็นไปตามระเบียบที่ปลัดกระทรวงกำหนด” ซึ่งจะพิจารณาตามความเหมาะสมของแต่ละกรณี ไม่ได้กำหนดระยะเวลาตายตัว


ส่วนที่ 4: การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก

ข้อ 16.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 40 เด็กที่พึงได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพ ได้แก่ เด็กที่ถูกทารุณกรรม เด็กที่เสี่ยงต่อการกระทำผิด และเด็กที่อยู่ในสภาพที่จำต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่กำหนดในกฎกระทรวง

ข้อ 17.
– เฉลย: ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 41 “ผู้ใดพบเห็นหรือประสบพฤติการณ์ที่น่าเชื่อว่ามีการกระทำทารุณกรรมต่อเด็กให้รีบแจ้งหรือรายงานต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครองหรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 24” ซึ่งรวมถึงผู้ปกครองสวัสดิภาพด้วย

ข้อ 18.
– เฉลย: ก. พนักงานเจ้าหน้าที่
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 42 “การดำเนินการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 41 วรรคหนึ่ง หรือการส่งตัวเด็กเข้ารับการสงเคราะห์หรือการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หรือการส่งตัวเด็กเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูตามมาตรา 43 (2) หรือ (3) กรณีใดยังไม่มีการดำเนินการ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่พิจารณาให้การสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตามระเบียบที่ปลัดกระทรวงกำหนด”

ข้อ 19.
– เฉลย: ข. ดำเนินการโดยคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 43 “ให้ปลัดกระทรวงมีอำนาจกำหนดให้เด็กที่จำเป็นต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตามที่เห็นสมควร” ซึ่งมาตรา 22 กำหนดว่า “การปฏิบัติต่อเด็กไม่ว่ากรณีใด ให้คำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเด็กเป็นสำคัญ”

ข้อ 20.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 27 “ห้ามมิให้ผู้ใดโฆษณาหรือเผยแพร่ทางสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับตัวเด็ก หรือผู้ปกครอง โดยเจตนาที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของเด็ก หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ” ซึ่งครอบคลุมทั้งเด็กที่เป็นผู้กระทำความผิด เด็กที่ถูกกระทำ และเด็กที่เป็นพยานในคดี


ส่วนที่ 5: ผู้คุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก

ข้อ 21.
– เฉลย: ก. ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 4 “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้

ข้อ 22.
– เฉลย: ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 30 (3) พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ “เข้าไปในสถานที่ใด ๆ ที่มีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการเลี้ยงดูโดยมิชอบ ถูกทารุณกรรม ถูกใช้ในกิจการหรือการประกอบอาชีพอันเป็นอันตรายต่อร่างกายและจิตใจ เข้าไปในสถานที่อยู่อาศัยของผู้ปกครอง สถานที่ประกอบอาชีพของผู้ปกครอง สถานศึกษาของเด็ก หรือสถานที่ที่เด็กมีความเกี่ยวข้องด้วย”

ข้อ 23.
– เฉลย: ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 30 (5) พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจ “แยกตัวเด็กจากครอบครัวในกรณีจำเป็นเพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หรือในกรณีที่มีเหตุจำเป็นอย่างอื่นเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองเด็กมิให้ถูกทารุณกรรม”

ข้อ 24.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 42 วรรคสอง “พนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กต้องรีบจัดให้เด็กได้รับการตรวจรักษาทางร่างกายและจิตใจทันที ถ้าพนักงานเจ้าหน้าที่เห็นว่ามีเหตุจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองเด็กพนักงานเจ้าหน้าที่จะนำตัวเด็กไปยังที่พักชั่วคราวในสถานแรกรับก็ได้ หรือส่งตัวเด็กไปรับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพในสถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ หรือส่งเด็กไปรับการพัฒนาและฟื้นฟูตามมาตรา 45 แล้วแต่กรณีก็ได้”

ข้อ 25.
– เฉลย: ง. ดำเนินการให้การสงเคราะห์และคุ้มครองสวัสดิภาพทันที
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 42 “เมื่อพนักงานเจ้าหน้าที่หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพได้รับแจ้งจากบุคคลตามมาตรา 29 หรือพบเห็นเอง หรือได้รับแจ้งจากบุคคลอื่น ให้รีบดำเนินการตรวจสอบและให้การคุ้มครองสวัสดิภาพเด็กโดยเร็วที่สุด”


ส่วนที่ 6: สถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟู

ข้อ 26.
– เฉลย: ก. ผู้ว่าราชการจังหวัด
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 52 วรรคสอง “การขอรับใบอนุญาต การออกใบอนุญาต การขอรับใบแทนใบอนุญาต การให้ใบแทนใบอนุญาต การขอต่ออายุใบอนุญาต การอนุญาตให้ต่ออายุใบอนุญาต… ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง และให้เสียค่าธรรมเนียมตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง” ซึ่งในกฎกระทรวงได้กำหนดให้ยื่นขอรับใบอนุญาตต่อผู้ว่าราชการจังหวัด

ข้อ 27.
– เฉลย: ง. สถานที่ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 4 “สถานพัฒนาและฟื้นฟู” หมายความว่า สถานที่ โรงเรียน สถาบัน หรือศูนย์ที่จัดตั้งขึ้นเพื่อการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และพัฒนาฟื้นฟูเด็กที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์ หรือคุ้มครองสวัสดิภาพเป็นกรณีพิเศษ

ข้อ 28.
– เฉลย: ข. สถานที่ดูแลเด็กกำพร้าอายุต่ำกว่า 6 ปี
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 4 “สถานสงเคราะห์” หมายความว่า สถานที่ที่จัดขึ้นเพื่อให้การอุปการะเลี้ยงดูและพัฒนาเด็กที่จำต้องได้รับการสงเคราะห์ ซึ่งมีจำนวนตั้งแต่หกคนขึ้นไป ทั้งนี้ โรงเรียนเอกชนสำหรับเด็กพิการ และสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนเอกชนไม่ถือเป็นสถานสงเคราะห์ตามนิยาม

ข้อ 29.
– เฉลย: ค. 3 ปี
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 55 “ใบอนุญาตตามมาตรา 52 ให้มีอายุใช้ได้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคมของปีที่สาม นับแต่ปีที่ออกใบอนุญาต”

ข้อ 30.
– เฉลย: ง. 90 วัน
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 61 “ผู้รับใบอนุญาตตามมาตรา 52 ประสงค์จะเลิกกิจการ ให้แจ้งเป็นหนังสือให้ผู้อนุญาตทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน”


ส่วนที่ 7: การส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษา

ข้อ 31.
– เฉลย: ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 65 “ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีอำนาจหน้าที่… แต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษาให้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้…”

ข้อ 32.
– เฉลย: ก. สอบถามครูอาจารย์เกี่ยวกับความประพฤติของนักเรียนหรือนักศึกษา
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 67 พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งเสริมความประพฤตินักเรียนและนักศึกษามีอำนาจสอบถามครูอาจารย์หรือหัวหน้าสถานศึกษาเกี่ยวกับความประพฤติ การศึกษา นิสัย และสติปัญญา หรือสอบถามพ่อแม่ ผู้ปกครอง ฯลฯ แต่ไม่มีอำนาจเข้าไปในเคหสถานหรือแยกตัวนักเรียนออกจากครอบครัว

ข้อ 33.
– เฉลย: ง. มีอำนาจห้ามมิให้กระทำการและส่งตัวนักเรียนหรือนักศึกษานั้นไปยังสถานศึกษา
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 67 (3) “ในกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่านักเรียนหรือนักศึกษาจะกระทำผิด ให้มีอำนาจห้ามมิให้กระทำการและส่งตัวนักเรียนหรือนักศึกษานั้นไปยังสถานศึกษาหรือเรียกผู้ปกครองมารับตัวนักเรียนหรือนักศึกษา”

ข้อ 34.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 64 “นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนให้เหมาะสมกับสภาพนักเรียนหรือนักศึกษาตามระเบียบของโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด”

ข้อ 35.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 64 นักเรียนและนักศึกษาต้องไม่ประพฤติตนในลักษณะที่เป็นการหนีเรียน เข้าไปในสถานบริการตามกฎหมาย รวมถึงเล่นการพนัน ซึ่งต้องดูตามกฎกระทรวงที่ออกโดยกระทรวงศึกษาธิการ


ส่วนที่ 8: กองทุนคุ้มครองเด็ก

ข้อ 36.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 68 กองทุนคุ้มครองเด็กมีวัตถุประสงค์ทั้งเพื่อการสงเคราะห์ คุ้มครองสวัสดิภาพ และส่งเสริมความประพฤติเด็ก ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาของบุคลากรที่ทำงานด้านเด็ก และสนับสนุนโครงการด้านการป้องกันแก้ไขปัญหาเด็ก

ข้อ 37.
– เฉลย: ง. ถูกทุกข้อ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 69 กองทุนประกอบด้วยเงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ เงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคหรือมอบให้และแหล่งอื่นๆ ตามที่ระบุในมาตรานี้

ข้อ 38.
– เฉลย: ค. คณะกรรมการบริหารกองทุน
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 74 (2) คณะกรรมการบริหารกองทุนมีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการพิจารณาอนุมัติการใช้เงินและทรัพย์สินของกองทุน

ข้อ 39.
– เฉลย: ข. ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 72 “ให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนคณะหนึ่ง ประกอบด้วยปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นประธานกรรมการ…”

ข้อ 40.
– เฉลย: ค. อธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 71 “การรับเงิน การจ่ายเงิน การเก็บรักษาเงิน การจัดหาผลประโยชน์และการจัดการกองทุนให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด” โดยกรมกิจการเด็กและเยาวชน (เดิมคือสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ) เป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ


ส่วนที่ 9: บทกำหนดโทษ

ข้อ 41.
– เฉลย: ค. จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 78 “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 26 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ซึ่งมาตรา 26 ห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการทารุณกรรม กระทำทารุณกรรมทางร่างกายหรือจิตใจต่อเด็ก

ข้อ 42.
– เฉลย: ข. จำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 79 “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 27 มาตรา 50 หรือมาตรา 61 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ “ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำโดยอาศัยสื่อมวลชนหรือสื่อสารสนเทศประเภทใด ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ข้อ 43.
– เฉลย: ข. จำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 81 “ผู้ใดขัดขวางไม่ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามมาตรา 30 (1) (2) หรือ (5) หรือไม่ยอมส่งเอกสารหรือส่งเอกสารโดยรู้อยู่ว่าเป็นเอกสารเท็จแก่พนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อถูกเรียกให้ส่งตามมาตรา 30 (4) ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

ข้อ 44.
– เฉลย: ค. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 82 “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 49 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ซึ่งมาตรา 49 ระบุว่า “ผู้ใดพบเห็นเด็กในสภาพจำต้องได้รับการสงเคราะห์หรือคุ้มครองสวัสดิภาพตามหมวด 3 และหมวด 4 จะต้องให้การช่วยเหลือเบื้องต้นและแจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือผู้มีหน้าที่คุ้มครองสวัสดิภาพเด็กตามมาตรา 24 โดยมิชักช้า”

ข้อ 45. ก
– เฉลย: ง. ปรับไม่เกิน 10,000 บาท และปรับอีกวันละไม่เกิน 1,000 บาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืน
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 83 “ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 52 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท และปรับอีกวันละไม่เกินหนึ่งพันบาทตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืน”


ส่วนที่ 10: บทเบ็ดเตล็ด

ข้อ 46.
– เฉลย: ข. กรรมการโดยตำแหน่งตามมาตรา 16 (1) (2) (3) (4) และ (5) และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 16 (6) (7) (8) (9)
– คำอธิบาย: ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 88 “ในวาระเริ่มแรก ให้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด ประกอบด้วยกรรมการโดยตำแหน่งตามมาตรา 16 (1) (2) (3) (4) และ (5) และให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหรือผู้ว่าราชการจังหวัดแล้วแต่กรณี แต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิตามมาตรา 16 (6) (7) (8) และ (9) ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ”

ข้อ 47.
– เฉลย: ง. ต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา
– คำอธิบาย: ตามมาตรา 6 “บรรดากฎกระทรวง ข้อบังคับ หรือระเบียบที่ออกตามพระราชบัญญัตินี้ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้”

ข้อ 48.
– เฉลย: ก. คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติ
– คำอธิบาย: ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 89 “ในระหว่างที่ยังมิได้แต่งตั้งคณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดตามมาตรา 88 ให้คณะกรรมการคุ้มครองเด็กแห่งชาติทำหน้าที่คณะกรรมการคุ้มครองเด็กกรุงเทพมหานครและคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด จนกว่าจะได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวตามพระราชบัญญัตินี้”

ข้อ 49.
– เฉลย: ง. 1 ปี
– คำอธิบาย: ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 90 “ให้มีการจัดตั้งสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟูตามพระราชบัญญัตินี้ภายในไม่เกินหนึ่งปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ”

ข้อ 50.
– เฉลย: ค. 180 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
– คำอธิบาย: ตามบทเฉพาะกาล มาตรา 91 “ผู้ดำเนินกิจการในสถานรับเลี้ยงเด็ก สถานแรกรับ สถานสงเคราะห์ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพ และสถานพัฒนาและฟื้นฟูที่จัดตั้งขึ้นก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ ให้ดำเนินการยื่นคำขอรับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ


ครูผู้ช่วย อปท. กลุ่มวิชาต่างๆ

กลุ่มวิชาพลศึกษา กลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ กลุ่มวิชาดนตรี กลุ่มวิชาการเกษตร กลุ่มวิชาการตลาด กลุ่มวิชาการบัญชี กลุ่มวิชาคหกรรม กลุ่มวิชาเคมี กลุ่มวิชาคอมพิวเตอร์ กลุ่มวิชาชีววิทยา กลุ่มวิชาจิตวิทยาและการแนะแนว กลุ่มวิชาดนตรีสากล กลุ่มวิชาทัศนศิลป์ กลุ่มวิชานาฎศิลป์ กลุ่มวิชาแนะแนว กลุ่มวิชาบรรณารักษ์ กลุ่มวิชาประถมศึกษา กลุ่มวิชาฟิสิกส์ กลุ่มวิชาศิลปะ กลุ่มวิชาภาษาไทย กลุ่มวิชาวิทยาศาสตร์ กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา กลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ กลุ่มวิชาวัดผลประเมินผล กลุ่มวิชาสังคมศึกษา กลุ่มวิชาอุตสาหกรรมศิลป์ กลุ่มวิชาเอกปฐมวัย สอบถามทางไลน์

แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 (50 ข้อ)

แจกฟรี

แนวข้อสอบภาค ก ครูผู้ช่วย อปท68

แนวข้อสอบ การพัฒนาผู้เรียน ปรนัย 50 ข้อ
แนวข้อสอบ การวิจัยทางการศึกษา (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ การบริหารจัดการชั้นเรียน (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ หลักสูตรและการพัฒนาหลักสูตร (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติส่งเสริมการเรียนรู้ (ปรนัย 30 ข้อ)
แนวข้อสอบ จิตวิทยาการศึกษาและการแนะแนว (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ วิชาการวัดและประเมินผลการศึกษา (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ นวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการศึกษา (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ มาตรฐานวิชาชีพครูตามจรรยาบรรณวิชาชีพ (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณวิชาชีพครู (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ คุณธรรม จริยธรรม และอุดมการณ์ความเป็นครู (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ ลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งครูผู้ช่วย (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ปรนัย 50 ข้อ พร้อมเฉลย(ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ พระราชบัญญัติการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการ พ.ศ. 2551 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม)(ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ หลักการสอนที่เน้นการคิดวิเคราะห์และการจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ (ปรนัย 50 ข้อ)
แนวข้อสอบ พรบ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ปรนัย 50 ข้อ)

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *